ทำประกันชีวิตออนไลน์ต้องรู้อะไรบ้าง

หลายคนมักจะคิดว่าการทำประกันชีวิตส่วนใหญ่ต้องซื้อผ่านพนักงานขายหรือตัวแทนของบริษัทประกันชีวิต แต่ในปัจจุบันการทำประกันชีวิตก็มีรูปแบบในการทำใหม่ๆ ที่เรียกว่า การซื้อผ่านออนไลน์ ที่เราสามารถทำได้ผ่านช่องทางออนไลน์ของบริษัท เช่น เว็บไซต์ หรือในช่องทาง Social media เป็นต้น ซึ่งก็แน่นอนว่าช่องทางแบบนี้สามารถทำได้รวดเร็ว และตอบสนองกับความต้องการของเราได้มากกว่าการทำประกันชีวิตผ่านตัวแทน แต่ก็มักจะมีสิ่งที่เราต้องรู้อยู่บ้าง มีอะไรมาฟังกันเลยครับ

1. เป้าหมายของการทำประกันชีวิต
สิ่งแรกที่เราควรนึกถึงในทุกครั้งของการทำประกันชีวิต ก็คือ เป้าหมายของการทำประกันภัย เราต้องการทำประกันชีวิตไปเพื่ออะไร โดยในที่นี้หากเราสามารถตอบคำถามได้ สิ่งต่อมาคือการเลือกแผนประกันตามความต้องการ เช่น หากเราต้องการทั้งความคุ้มครองในชีวิตและผลตอบแทนในระยะนาว การทำประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ก็ดูจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย

2. ความพร้อมในการชำระเบี้ยประกัน
แน่นอนว่า การทำประกันชีวิต ก็จะเป็นรูปแบบของการทำสัญญาในระยะยาว ที่เราจะต้องมีการจ่ายชำระค่าเบี้ยประกันในทุกงวด เมื่อครบกำหนดสัญญาของการทำประกันชีวิต นั้นหมายความว่า อย่างน้อยเราจะต้องมีเงินให้เพียงพอกับการชำระค้าเบี้ยประกันนั้นเอง

3. ประกันชีวิตออนไลน์นำมาลดหย่อนภาษีได้หรือไม่
ในการทำประกันชีวิต อาจจะไม่ได้มีข้อดีเพียงแค่เพิ่มความคุ้มครองให้คุณเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ในการทำประกันชีวิต เราสามารถนำค่าเบี้ยประกันชีวิตมาใช้ในการลดหย่อนภาษีได้ด้วย โดยจะต้องมีเงื่อนไขคือ อายุของกรมธรรม์จะต้องมีอายุ 10 ปีขึ้นไป ทำกับบริษัทในประเทศไทย และสามารถนำมาลดหย่อยภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท สิ่งนี้คือรายละเอียดที่เราจะต้องศึกษาให้ดีก่อนทำประกันชีวิต

4. เงื่อนไขของกรมธรรม์
แม้ว่าการทำประกันชีวิตออนไลน์จะช่วยให้เราสามารถทำการซื้อกรมธรรม์ได้สะดวกมากขึ้น แต่รายละเอียดของกรมธรรม์ก็คือสิ่งที่เราจะพลาดไม่ได้เช่นกัน โดยส่วนใหญ่แล้วรายละเอียดของกรมธรรม์ประกันชีวิตจะไม่ค่อยแตกต่างกันมากนัก แต่เราก็ควรอ่านรายละเอียดให้เข้าใจก่อนเลือกซื้อประกัน เพื่อที่เราจะได้รับความคุ้มครองได้ตรงกับความต้องการ

สำหรับใครที่กำลังมองหาประกันชีวิตลดหย่อนภาษี เราก็ขอแนะนำ ประกันชีวิต Manulife แบบประกันชีวิตและออมทรัพย์ระยะกลางที่กำลังดี คุ้มครองไม่สั้นไป และชำระเบี้ยไม่ยาวเกิน! ชำระเบี้ยประกันต่อเนื่องแค่ 8 ปี แต่ได้รับความคุ้มครองนอกเหนือจากการออมอย่างต่อเนื่องสูงถึง 18 ปี พร้อมสิทธิประโยชน์รับเงินคืนอย่างต่อเนื่องทุกปี ตั้งแต่สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 2 ถึงครบกำหนดสัญญารวมสูงสุดถึง 180%